Random Gaussian Number Generator
โปรแกรมสุ่มตัวแปรที่มีการกระจายตัวแบบเกาส์เชียน(Gaussian Distribution) เหมาะสำหรับการนำไปคำนวณผลการอินติเกรตเชิงตัวเลข(numerical integration) ด้วย Monte Carlo Method หรือกระบวนการเชิงสถิติอื่นๆ ที่ต้องใช้การกระจายตัวแบบเกาสเชียน
โปรแกรมตัวนี้มาจาก code function gasdev() ภายในหนังสือ Numerical Recipes in C 2nd Edition ของCambridge University Press เพียงแต่ ฟังก์ชันนี้เขียนขึ้นมาสำหรับ Gaussian Distribution ที่มีค่าเฉลี่ย mean = 0 และ Standard Deviation = 1.0
float gasdev(idum1)
long *idum1;
{
float ran(long *idum);
static int iset=0;
static float gset;
float fac,rsq,v1,v2;
if (*idum1 < 0) iset=0;
if (iset == 0)
{
do {
v1=2.0*ran(idum1)-1.0;
v2=2.0*ran(idum1)-1.0;
rsq=v1*v1+v2*v2;
} while (rsq >= 1.0 || rsq == 0.0);
fac=sqrt(-2.0*log(rsq)/rsq);
gset=v1*fac;
iset=1;
return v2*fac;
} else {
iset=0;
return gset;
}
}
ฟังก์ชันนี้ต้องใช้คู่กับ function สุ่มตัวเลขที่ให้ค่าผลลัพธ์ 0 ถึง 1 ที่ให้ความน่าจะเป็นเท่าเทียมกันหรือ uniform number generator ภายในฟังก์ชัน ran()
เวลาใช้อย่าลืมกำหนด seed(ตัวเลขอะำไรก็ได้ แต่ควรเปลี่ยน seed ทุกครั้งหากต้องการสุ่มค่าใหม่) และ แทนค่าแอดเดรสหรือตำแหน่งใน Memory ที่เก็บค่าของ seed ลงไปแทนค่า idum ของ gasdev ด้วย gasdev(&seed)
เวลาใช้งาน สมมติเราต้องการให้ x เป็นผลจากการสุ่มด้วย gasdev() โดยมีค่าเฉลี่ย(mean) m และ ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน(standart deviation) ต้องพิมพ์ว่า
x = m+ s*gasdev(&seed)
ก็จะได้ x มา ซึ่งหากต้องการสุ่มมาสัก 10,000 ค่า เราต้องเปลี่ยนค่าของ seed ทั้ง 10,000 ค่าด้วย ไม่เช่นนั้น เราจะได้ตัวเลขเดิมตลอดเวลา เนื่องจากโปรแกรมสุ่มนี้ไม่ใช่การสุ่มอย่างแท้จริงแต่เป็น Pseudo Random หรือการสุ่มแบบเทียมเท่านั้น
Series:ทำวิจัยในต่างประเทศด้วยทุน พสวท.(3) สัมภาษณ์ขอวีซ่าไปสหรัฐฯ
ก่อนวันสัมภาษณ์
หลังจากได้รับอนุมัติเงินทุนจากทาง สสวท. (คนอนุมัติ) แล้ว ก็ได้เวลาดำเนินเรื่องขอวีซ่าเพื่อเข้าสหรัฐอเมริกา ก็ดำเนินตามขั้นตอนใน blog ของคุณ Light ณ bloggang ครับ รวมทั้งหาข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณ Susie ซึ่งสำหรับนักเรียนไทย ที่จะไปทำวิจัยชั่วคราวในสหรัฐฯ ต้องขอในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน ประเภทวีซา J-1
นอกจากนี้สำหรับคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดภาคเหนือ สามารถสัมภาษณ์วีซาได้ที่ สถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เีชียงใหม่ได้ ซึ่งผมก็ต้องไปสัมภาษณ์ที่นั่นเหมือนกันเพราะคิวที่กรุงเทพฯ ไม่ว่างเลย(หรือโปรแกรมจองมันรู้ว่าเรามีภูมิลำเนาอยู่เชียงใหม่ ก็เลยแสดงผลว่ากรุงเทพฯ เต็ม??? ใครรู้บอกที)
เพื่อความสะดวกผมเลยจองวันสัมภาษณ์ไว้ช่วงกลางเดือนตุลาคม 2550 (เดินทางจริง 1 ธันวาคม 2550) ช่วงก่อนวันสัมภาษณ์ก็ไปซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับ(มั่นใจว่าผ่านแน่นอน) รวบรวมหลักฐานทุกอย่างใส่แฟ้มให้เรียบร้อยเจ้าหน้าที่ขอดูอะไรจะได้หยิบฉวยได้สะดวก
นี่คือคุ้มของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ปัจจุบันเป็นสถานกงสุลสหรัฐฯ จังหวัดเชียงใหม่ ครับ (แนวกำแพงซ้ายมือของเจดีย์กิ่วหรือเจดีย์ขาว) ใจจริงจะโชว์รูปสถานกงสุลแต่หาไม่ได้ ได้มาแต่รูปเก่าแทน Image Source : http://www.sakulthai.com/webboard/Questionv.asp?GID=1390
วันสัมภาษณ์
แล้วก็มาถึงวันสัมภาษณ์ ผมขับรถไปจอดตรงฟุตบาทหน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ จอดปั๊บก็มีเจ้าหน้าที่มาเก็บตังค์ค่าจอดปุ๊บ(จำไม่ได้ว่าจ่ายไปเท่าไหร่ เพราะนานเหลือเกิน) แล้วก็จ้ำไปที่สถานกงสุลสหรัฐฯ ที่ป้อมยามเราต้องแสดงหลักฐานการนัดสัมภาษณ์แล้วก็ตรวจข้าวของที่เอามาว่าไม่ได้พกพาอาวุธหรือระเบิดมาถล่มสถานกงสุล สุดท้ายเค้าก็ให้ฝากของพวกอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ พวกของเหลว(น้ำ) เอาเข้าไปได้แต่เอกสารที่จำเป็นต้องใช้และกระเป๋าสตางค์เท่านั้น
เมื่อผ่านด่านตรวจค้นไปแล้ว ก็ต้องเข้าสู่ด่านตรวจเอกสาร เราต้องเข้าไปหา npc เอ๊ย เจ้าหน้าที่สถานกงสุล(คนไทย) ตอนเพื่อนผมไปสัมภาษณ์บอกว่าเป็นสาวเสื้อแดง(ช่วงสิงหาคมปีที่แล้ว) ซึ่งผมก็เห็นเป็นสาวเสื้อแดงเ่ช่นกัน(แสดงว่าตาไม่บอดสี) คาดว่าสีแดงคงเป็นฟอร์มทำงานกระมัง เ้้จ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจเอกสารสักพักก็ปล่อยให้ผ่านไป (แต่กรณีของเพื่อนผมต้องออกไปขอตราปั๊มของไปรษณีย์ใหม่ เพราะตอนที่เขาจ่ายค่าธรรมเนียมขอ PIN สัมภาษณ์วีซา ไปรษณีย์ราชเทวี(ซึ่งอยู่ข้าง BTS พญาไท)ไม่ได้ปั๊มตราประจำวันลงในใบเสร็จ ต้องวิ่งไปไปรษณีย์แม่ปิง(ที่ห่างเกือบกิโล) เพื่อไปขอตราปั๊มประจำวัน และเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แม่ปิง ก็กริ๊งกร๊างมาสวดเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ราชเทวีที่กรุงเทพฯ เพราะเหตุว่าทำงานบกพร่องจนลูกค้าต้องวิ่งเหงื่อโทรมมาแก้ไขข้อผิดพลาดเอง) แต่กรณีของผมรอดครับ
ก็ผ่านเข้าไปยังห้องรอสัมภาษณ์ซึ่งลำดับก่อนหน้าผมเป็นแม่อุ๊ยชาวม้งมาขอวีซาจะไปหาเพื่อนที่พลัดพรากกันมา 20 ปี มีลูกหลานติดมาสัมภาษณ์กันเพียบเลย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแม่อุ๊ยจะผ่านไหม เพราะสัมภาษณ์กันนานมาก ส่วนผมนอกจากตรวจเอกสารรอบสุดท้ายแล้ว(ย้ำคิดย้ำทำจริงๆ) ก็ไปเข้าห้องน้ำเตรียมตัวให้พร้อม(มีคนมาบอกทีหลังว่า อย่าเข้าห้องน้ำในสถานกงสุลนะ ไม่งั้นจะสัมภาษณ์ไม่ผ่าน )
เจ้าหน้าที่คนไทยเรียกไปตรวจและขอเอกสารสำคัญไปตรวจรอบสุดท้าย แล้วก็กลับมานั่งรอสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ ซึ่งผมเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ (จะไปอเมริกาถ้าไม่โชว์ศักยภาพว่าพูดอังกฤษได้ก็กระไรอยู่) เจ้าหน้าที่ใจดีครับเป็นคนอเมริกัน พูดช้าๆชัดๆให้เราฟังง่ายๆ เจอหน้าก็สวัสดีตามธรรมเนียมไทยเอาฤกษ์เอาชัยก่อน เขาถามว่าเรียนที่ไหน? ระดับการศึกษาไหนแล้ว? ไปทำวิจัยเกี่ยวกับอะไร? ที่มหาวิทยาลัยไหน? ก็ตอบไปให้ตรงกับที่เรากรอกลงไปในเอกสารเป็นใช้ได้(ไม่มั่ว) สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า congratulation!! พรุ่งนี้ไปเอาพาสปอร์ตที่ปั๊มวีซาที่ไปรษณีย์แม่ปิงได้เลย (ได้แล้ว 555)
แล้วก็อารามดีใจออกมารับของที่ฝากไว้ ซึ่งเราต้องออกไปรับข้างนอกเค้าจะค่อยๆ เอาของที่ฝากไว้ยื่นให้เราทีละชิ้น ผ่านช่องแคบๆ ที่หน้าป้อมยาม กว่าจะครบก็รอนานทีเดียว (ทั้งโทรศัพท์ สายชาร์จ external harddisk น้ำยาบ้วนปาก สมุดโน้ต ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด ฯลฯ)
ส่วนพาสปอร์ตก็วันรุ่งขึ้นค่อยไปรับที่ไปรษณีย์แม่ปิง
หลังวันสัมภาษณ์
18:00 น. คุณได้รับพาสปอร์ตที่ปั๊มวีซาสหรัฐ 1 ea ทำเควสต่อไปได้
ติดตามเรื่องย้อนหลังและตอนต่อไปได้ที่ Contents
Recent Comments